บันทึกแวมไพร์วานิทัสไทย (Vanitas No Carte New) Wiki
Advertisement
บันทึกแวมไพร์วานิทัสไทย (Vanitas No Carte New) Wiki

คิคังเอสฉบับปี 2022 เดือน 1 เป็นนิตยสารที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โทคุมะ โชเท็น เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 แต่วางจำหน่ายนิตยสารในเดือน มกราคม 2565 ในราคา 335 เยน ซึ่งหน้าปกนิตยสารนั้นวาดโดยโมจิซุกิ จุน ยังมีเนื้อหาการให้บทสัมภาษณ์ของคนแต่งและศิลปินท่านอื่น โดยทางเราแปลบทสัมภาษณ์ "Vanitas No Carte Interview" ไว้ที่หน้าบทความนี้

ลักษณะหน้าปก[]

เป็นภาพวานิทัสนอนอยู่ในโลงศพ เขาสวมคอเซ็ตและกางเกงขายาว ริมฝีปากมีเลือดติดอยู่จากการที่เขาไปดูดเลือด ผมของเขามีสีทูโทนทั้งชมพูแดงและฟ้า ทาลิปสีฟ้าและมัดผม เครื่องประดับตรงเข็มกลัดมีสัญลักษณ์ของแวมไพร์จันทราสีแดงกับน้ำเงิน มีมือของโนเอ้ยื่นมากำที่ดอกกุหลาบสีแดงเอาไว้ ข้างในโลงศพมีหมอนและเบาะสีน้ำเงิน ผมของแวมไพร์จันทราน้ำเงิน ลักษณะภาพเหมือนเป็นการสมมุติว่าวานิทัสได้กลายเป็นแวมไพร์

บทสัมภาษณ์วานิทัส[]

แปลนิตยสารคิคัง[]

Q1: โมจิซุกิเซนเซย์ คุณช่วยบอกจุดเริ่มต้นไอเดียของวานิทัสได้รึเปล่า??

A1: เมื่อฉันคิดถึงผลงานใหม่เรื่องถัดไปนั้น ฉันไม่เพียงลงมือจุดเริ่มต้นแล้วมาพูดว่า "นี่แหละคือสิ่งที่ฉันจะลงมือทำต่อไป" แต่ฉันยังนำ "องค์ประกอบที่ฉันต้องการวาดที่ฉันมีด้วย ซึ่งเก็บไว้ตั้งแต่สมัยยังวาด "Pandora Hearts อยู่" เช่นฉันต้องการวาดซีนนี้ หรือจัดการกับเรื่องแบบนี้ แล้วหยิบพวกมันออกมาจากลิ้นชักแล้วเขียนลบและบิดให้เป็นเรื่องราวอันเดียวกัน

(ปัจจุบันพล็อตโรงเรียนได้ถูกเอามาใส่ในโอเมเกะ ซึ่งอยู่ในเล่มที่ 7 ของโคลเอ้)

ตอนที่ฉันไปงานฝรั่งเศสเพื่อร่วมงาน japan expo และไปเที่ยวมงแซงค์มิเซลครั้งแรก ผู้ช่วยของฉันรวมทั้งตัวฉันมีความคิดเรื่อง "แวมไพร์ตนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีแล้วคอยดูแลผู้อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ มีเหล่าบาทหลวงคอยจับตาดูเหล่าแวมไพร์ และทั้งสองก็ติดตามปัญหาและชีวิตประจำวันของชาวเมือง..." ทำให้กลายเป็นต้นแบบของ vanitas no carte ในปัจจุบัน

มีเหล่าบาทหลวงคอยจับตาดูเหล่าแวมไพร์ และทั้งสองก็ติดตามปัญหาและชีวิตประจำวันของชาวเมือง..." ทำให้กลายเป็นต้นแบบของ vanitas no carte ในปัจจุบัน

สุดท้ายฉันตัดสินใจว่าในเมื่อฉันได้เขียนความสัมพันธ์เจ้านาย-ทาสมากมายใน "Pandora Hearts" ฉันอยากลองเขียนคู่หูดูโอ้สักครั้ง ฉันจึงบอกหัวหน้างานว่าฉันต้องการนำเสนอความสัมพันธ์ของพวกเขาในรูปแบบ "เชอร์ล็อกโฮมล์" ของกาย ริชชี่เพื่อเป็นแนวทาง ด้วยการแสดงตัวตนของพวกเขาให้อยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวายมากขึ้น บก.ของ GanGan JOKER ได้บอกกับฉันว่า "ฉันหวังว่าจะมีการหักมุมและเรื่องราวที่ไม่คาดคิดสองหรือสามครั้ง" ตอนนั้นฉันก็แบบว่า "สองถึงสามครั้งงั้นเหรอ?" แล้วเอามือวางบนหัว ฉันคิดว่าผู้อ่าน "Pandora Hearts " คงจะสงสัยในสิ่งที่ฉันอธิบายไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงพยามทำให้พวกเขารู้สึกว่าแวมไพร์คือวานิทัสตั้งแต่แรกเห็น และเดาว่าโนเอ้คือชาสเซอร์ โดยแนะนำในตอนแรกว่าเขาคือนักล่าแวมไพร์ของคริสต์จักร มีเป้าหมายในการช่วยแวมไพร์แต่ไม่ใช่ฆ่าพวกมัน.... แต่มีบางอย่างขาดหายไป....ยังไม่ถึงระดับที่ต้องการ....หลังจากที่คิดอยู่สักพักหนึ่ง ฉันก็คิดว่ามาเล่าเรื่องให้จบตั้งแต่จุดเริ่มต้นกันเถอะ" แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังกังวลว่าสิ่งนี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกวางใจมากเกินไป มีความคิดว่า "มีเรื่องราวจนถึงขั้นฆ่าวานิทัสเท่ากับเขาไม่ตายในตอนจบ" และพวกเขาไม่สามารถรู้สึกซีเรียสระหว่างเรื่องได้ แล้วในทางกลับกันการเล่าตอนจบในตอนแรกที่วานิทัสกับโนเอ้เข้ากันได้มากเท่าไรจะยิ่งจำตอนจบตั้งแต่จุดเริ่มต้นได้ยากเท่านั้น" ซึ่งอันนั้นอร่อยดีไปอีกแบบเหมือนกัน ฉันจึงเลือกอย่างหลังเพราะฉันคิดว่า "ผลกระทบในตอนเดียวสำคัญกว่าการกังวลพัฒนาในภายหลัง" และฉันคิดว่า "มีการพัฒนาที่เลวร้ายเกี่ยวกับความตายอีกมากมาย"

ดังที่ฉันได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ผู้อ่าน "Pandora Hearts" ของฉันคงสงสัยในสิ่งที่ฉันเขียนไปแล้ว เพราะฉะนั้น vanitas no carte จึงเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ตรงไปตรงมามากกว่า Pandora Hearts มาก ฉันนะจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้เรื่องราวน่าสนใจ

Q2: เนื่องจากสีธีมของวานิทัสเป็นสีฟ้าเพราะเรื่องราวของแวมไพร์ และวานิทัสก็เป็นแวมไพร์จันทราสีน้ำเงินด้วย ทำไมต้องเป็นเป็นสีฟ้าละ? ส่วนใหญ่สีของแวมไพร์มักเกี่ยวข้องกับสีดำหรือแดง แต่ทำไม? ต้องเป็นสีน้ำเงิน

A2: อย่างที่คุณพูด แวมไพร์ส่วนใหญ่มีธีมภาพลักษณ์ที่ชัดเจนว่าแวมไพร์ต้องเป็นสีดำกับแดง ฉันจึงอยากเบี่ยงเบนไปจากภาพเหล่านั้น นี่คือเหตุผลที่ฉันเลือกสีน้ำเงินเป็นธีมหลักในงานของฉัน แล้วก็ฉันต้องขอโทษด้วย ถ้าเหตุผลหลักของฉันที่ขอโทษอาจจะดูไร้สาระไปสักหน่อย แต่ผู้อ่านคงไม่โกรธนะถ้าฉันวาดภาพด้วยสีฟ้าเท่านั้น แต่จริงๆ ตั้งแต่เริ่มตีพิมพ์ฉันเองก็เริ่มเบื่อสีฟ้าแล้วเหมือนกัน.... (หัวเราะ) ถึงอย่างนั้นฉันพยามเรียนรู้การกลั่นกรองสีฟ้าให้เป็นสิ่งที่ดีสุดในทุกสิ่ง

Q3: วานิทัสเป็นคำภาษาละตินที่แปลว่า ไร้ประโยชน์ หรือ ว่างเปล่า ซึ่งเชื่อมโยงกับความหมายชีวิตที่ไร้ความหมายบนโลกและคงอยู่ของสิ่งที่ไร้สาระ อ.โมจิซุกิถึงตั้งชื่อตัวละครหลักและตำราพิเศษที่มีพลังแทรกแซงนามที่แท้จริงของเหล่าแวมไพร์ที่ตัวละครหลักถือครองอยู่ แล้ววานิทัสคืออะไรกันแน่??

A3: ฉันเจอวานิทัสครั้งแรกก็ตอนหนังสือภาพวาดของโทรุ คาเมอิ ฉันจึงรู้สึกทึ่งกับเสียงและความหมายของคำมากจนเริ่มมีความคิดขึ้นมาลางๆ ว่าชื่อตัวละครหลักในผลงานต่อไปของฉัน ควรตั้งว่าวานิทัส ตอนนั้นฉันเองก็จดจำระยะเวลาไม่ได้ว่านานเท่าใดต้นแบบของวานิทัสจะเสร็จสมบูรณ์

แน่นอนว่าหลังจากที่ฉันได้เรียนรู้ประเภทของศิลปะวานิทัส ฉันจึงไปที่พิพิภัณฑ์ในต่างประเทศและพูดว่า "โอ้ มีภาพวาดวานิทัสอยู่ที่นี้ด้วย" ซึ่งฉันเองก็สนุกกับการตามหามันมาก

Q4:ฉันคิดว่าตำราวานิทัสมีการดีไซน์ที่เจ๋งมาก โดยมีการตกแต่งรายละเอียดและการแทรกสีชมพู ฯลฯ A4:(ดีใจที่ได้ยินคำชมของคุณนะ จริงๆ ฉันเองไม่ค่อยมั่นใจการดีไซน์แบบนี้เท่าไรนะ)

ฉันไม่ต้องการใส่ฟันเฟืองมากเกินไปในตำราเล่มนี้เพราะฉันต้องการทำให้ดูง่ายต่อการเข้าใจเหมือนกับหนังสือแนวสตรีมพังค์ ฉันยังคิดว่ามันคงจะเจ๋ง ถ้ามีการเคลื่อนไหวเมื่อเปิดตำราขึ้น

ฉันจำได้ว่ามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตัดสินใจว่าจะร่วมส่วนตำราที่เป็นเลื่อนเข้าหาด้วยกันยังไง สำหรับตำราวานิทัสสองเล่ม เราจึงตัดสินใจใช้เครื่องมือทางดาราศาสตร์เป็นหลักในการอ้างอิงเพื่อเสริมเส้นให้มั่นคง

แล้วก็ในฐานะที่ฉันหลงใหลตำราที่มีโซ่ตรวน จึงเพิ่มรายละเอียดโซ่ตรวนที่เชื่อมกับตำราวานิทัสและเจ้าของตำราไว้ด้วยกัน แม้ว่าฉันคิดอยู่บ้างว่า "มันดูหนักจัง"

A5 : ใช่ ถูกต้อง โดยพื้นฐานแล้ว ในขณะที่วาดภาพอยู่ ฉันคิดว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร ต้องทำพล็อตทวิสตัวละครไปมา ฉันจึงต้องวาดภาพ vanitas ให้มากที่สุดก่อนเริ่มต้นซีรีย์

Q6 : ช่วยบอกเราหน่อยว่าตอนเริ่มต้นภายในซีรีย์มีตัวละครกี่ตัว

A6 : ตอนฉันเริ่มความคิดและมีภาพชัดเจนอย่างเดียวเมื่อเริ่มต้นซีรีย์ขึ้นคือวานิทัส โนเอ้ ฌาน ลูก้า โดมินิก อาจาย์ เวโรนิก้า โลกิ มิฮาอิล ฯลฯ สำหรับตัวละครอื่นๆ "แม้ว่าตำแหน่งและบทบาทตัวละครจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าก็ตาม" แต่ภาพกลับได้รับการพัฒนาก่อนที่ตัวละครจะปรากฎตัว

Q7:ได้โปรดบอกเราเกี่ยวกับการออกแบบแต่ละตัวละคร และภาพของพวกเขาหน่อย บอกความประทับใจของคุณต่อแต่ละตัวละครเปลี่ยนไปยังไง เมื่อคุณวาดตัวละครนั้น?

Q7 (ย่อย) : วานิทัส

A7: พูดกันตามตรง ฉันไม่ได้คาดหวังให้ตอนแรกต้องเขียนเขาเป็นตัวละครที่ระทมขนาดนี้ เพราะฉันกะจะอธิบายเรื่องนี้ในภายหลัง แล้ววานิทัสเป็นตัวละคร (เหยื่อ) ตัวแรก ที่ต้องเล่นบท Tsukkomi เพราะโนเอ้ (Tsukkomi คือตัวตบมุก)

บางครั้งผู้อ่านก็พูดถึงวานิทัสว่า "ฉันไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่" แต่ในฐานะผู้เขียน ฉันอยากตะโกนตอบกลับไปว่า "ฉันอยากวาดเขาในแบบที่คุณไม่เข้าใจ" แต่ไม่เป็นไร ฉันจะใส่ข้อจำกัดของวานิทัสว่า "ไม่ใส่เสียงหรือพูดคนเดียว" ดังนั้นพวกเขาสงสัยว่าการแสดงออกวานิทัสหมายถึงอะไร??

สิ่งที่เขาพูดถึงหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เหรอ? อยากให้ผู้ชมคอยสังเกตตอนที่วานิทัสอยู่กับโนเอ้ ตอนที่ฉันกำลังวาดเขาอยู่ ในส่วนการดีไซน์ เราได้ตัดสินใจว่าคราวหน้าต้องทำตัวเอกผมดำตาฟ้า (รายละเอียดอื่นแล้วแต่ความชอบครับผม) แล้วไม่ลังเลใจในจุดนั้น

เสื้อคลุมที่ดูหม่นหมองน่าจะดูดีแต่ฉันอยากทิ้งความประทับใจที่ไม่รู้ลืมให้กับผู้ชม ดังนั้นฉันจึงเลือกเสื้อโค้ททรงกลมที่ช่วงแขนสามารถแกร่งไปมาได้ ทรงผมของวานิทัสเปลี่ยนไปเป็นทรงผมตรงประบ่าเพราะพื่อนของฉันคอมเมนต์รุนแรง พอฉันบอกเรื่องทรงผมพระเอกที่คิดไว้ในผลงานชิ้นต่อไป

"เอ่อคือว่า ปอยผมมันดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร~~!" ฉันไม่คิดว่าเพื่อนวิจาร์ณตรงๆ แต่พอฉันได้ยิน มาคิดดูดีๆ กับตัวเอง ฉันพบว่า "นี่เป็นไอเดียที่มันแย่มาก หลังจากเพื่อนเสนอไอเดียว่ามาลองสร้างตัวละครหลักที่ตัดทรงผม Blunt haircut ตอบกลับว่าฉันเองก็ชอบทรงนี้เหมือนกัน

จากนั้นทรงผมนั้นก็ได้ถูกผลักดันจนทรงผมปัจจุบันคล้ายกับแอสโทลโฟ ฉันคิดว่ามันอยู่ห่างไกลจากภาพร่างแรกเริ่มของฉันมาก จึงต้องพยามหลบเลี่ยงความคิดนี้ แต่การสร้างตัวละครหลักด้วยการตัดผมแบบ Blunt haircut คือสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึง ฉันเลยสงสัยว่าฉันสามารถรวมองค์ประกอบการตัดผม Blunt haircut ให้กับบุคลิกที่ก้าวร้าวของวานิทัสเข้าได้ดีไหม? และการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดตัวละครวานิทัสอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

โนเอ้ - คำแนะนำที่ฉันได้รับจากอดีตหัวหน้าของฉันคือการสลับบทบาทตำแหน่งของวานิทัสที่เป็นแวมไพร์-โนเอ้ที่เป็นมนุษย์ ให้กลายเป็นโนเอ้คือแวมไพร์แต่วานิทัสคือมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้การออกแบบของโนเอ้เปลี่ยนไปอย่างมาก[1]

ฉันชอบตัวละครที่มีผิวสีน้ำตาลเข้มมากและฉันคิดว่าอยากให้แก็งค์ผิวดำของพวกเขาขยายมากกว่านี้ ฉันคงต้องวาดพวกเขาให้เพิ่มขึ้น ฉันรู้สึกตัวละครผิวสีน้ำตาลในบางครั้งจะถูกเขียนให้เหมือนสุขภาพดี (ผิวโดนแดด) แต่ฉันต้องการให้ตัวละครผิวสีน้ำตาลเข้มแสดงสีผิวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สีประจำตัวของโนเอ้คือสีม่วง ซึ่งหมายถึง "บุคคลที่ยืนตรงกลางระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน" ความจริงฉันอยากทำลายความประทับใจตัวละครที่ฉันเคยมีต่อตัวละครผิวสีน้ำตาลเข้มที่สุขภาพดี (ผิวโดนแดด) และกระตือรือร้น มีเสื้อผ้าที่น้อยชิ้น ฉันจึงแก้ไขตัวละคร "โนเอ้"

พูดออกว่า "มาเล่นบทบาทของ Tsukkomi ใส่แว่นตา มีความสุภาพบุรุษ" ถึงอย่างนั้นการที่โนเอ้ไม่สวมแว่นตา ทำให้โนเอ้มีมุมมองที่ซื่อบื้อไปโดยปริยาย ฉันจึงต้องปรับความสัมพันธ์ระหว่างโนเอ้กับตัวละครรอบตัวทั้งหมดใหม่อีกครั้ง แล้วเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของวานิทัสจะเป็นทรงโค้งส่วนโนเอ้เป็นทรงตรง

ฌาน - เนื่องจากฉากนี้ต้องเป็น "อัศวินที่ปกป้องลูก้า" ฉันจึงพยามสร้างภาพที่อ่านได้ชัดเจนว่าเป็นอัศวิน แต่ยังไงภาพร่างเงาของอัศวินนั้นเหมือนกับราชาอัศวินผู้โด่งดังมากเกินไป ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับองค์ประกอบและจบลงด้วยการตัดผมบ๊อบและใส่กระโปรงรัดรูป

"ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นต้นขาของตัวละครหญิง" ดังนั้นเมื่อพวกเขาต่อสู้ แสงเงากระโปรงด้านหน้าตอนเปิดออกของพวกเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก ธีมการวาดสำหรับฌานคือทำให้เธอดูนุ่มนวล และวาดตัวโดมิให้ดูงดงาม

ฉันรักตัวละครที่มีความแข็งแกร่งด้านกายภาพมาก ฉันจึงสนุกกับการวาดฌานเป็นสัตว์กินเนื้อตั้งแต่เล่ม 8 เป็นต้นไป

ลูก้า - มิฮาอิลเป็นเด็กผู้ชายน่ารักสไตล์ "bishoun (บิโชเน็น)" เราจึงตัดสินใจให้คงรูปลักษณ์ให้ลูก้าดูเรียบง่าย เมื่อเขาตกอยู่ในสถานการ์ณที่โชคร้ายมาก เขาจะแสดงสีหน้าที่ดูบ้าคลั่งในหน้าฟรีเพื่อตอบสนองสถานการ์ณของเขา (บิโชเน็นคือผู้ชายแนวสวยงามและหน้าฟรีคือโอเมเกะในนิตยสาร)

ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เห็นฉากอื่นของเขาและโดมินิกที่จ้องมองฌานและตะคอกใส่วานิทัส

โดมินิก - เธอคือตัวละคร (เหยื่อ) คนที่สองที่ต้องรับบทเป็น Tsukkomi ให้กับโนเอ้เดิมทีเธอจะเป็นตัวละครที่ยุ่งวุ่นวายและมีอิสระมากกว่าใครๆ ความจริงภาพต้องเป็นไปตามแนวตัวละครเลโอนิต จากเกม "Romancing SaGa 3" (Romancing SaGa 3 - เกม RPG แนว Final Fantasy อยู่ในยุค Superfamicom)

ขณะเดียวเธอก็มีอิสระและช่วยสนับสนุนตัวละครหลักเช่นเดียวกับลอร์ดอาราเมคจาก Alexia: Parasol Protectorate (นวนิยายร่มพิทักษ์) ที่แสดงออกอย่างอิสระและสนับสนุนตัวละครหลัก

ใช่ ทุกอย่างพังเพราะโนเอ้ถอดแว่นตาออก เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในเรื่องหลักและฉันอยากให้กำลังใจเธอเร็วๆ นี้

ลอร์ดรูธเวน - ฉันตระหนักดีว่าต้องสร้างความประทับใจให้กับตัวละครที่แข็งแกร่ง ในตอนแรกฉันอยากให้เขามีรูปร่างผอมบางแล้วมีความรอบรู้มาก แต่ขณะเดียวกันฉันก็คิดว่าทิศทางตัวละครของเขาคล้ายกับอาจาย์โนเอ้ ฉันเลยให้เขาเป็นสัตว์กินเนื้อ มีความเป็นนักวิชาการที่ดูน่าสงสัย ซึ่งเข้าได้ดีกับโนเอ้

ฉันพยามวาดฉากดูดเลือดในเล่มสี่อย่างเต็มที่ คาเฟ่ที่เกิดเหตุยังคงอยู่ในปารีสแต่ผนังกระจก เราคิดว่าฉากนั้นคงสามารถทำให้ดูน่าจดจำได้ โดยที่โนเอ้ถูกรูธเวนกัดและถูกบังคับให้มองเห็นภาพสถานการ์ณตัวเขาผ่านกระจก ซึ่งอดีตผู้ช่วยของฉันไม่ได้ยินเสียงมาสักระยะแล้วจู่ๆ ก็พูดกับฉันว่า "การเผยแพร่สองหน้าตอนนายท่านดูดเลือด ช่างเซ็กซี่เสียจริง ขอบคุณมากนะ แค่นี้แหละ ไม่ต้องตอบกลับนะ" ฉันหัวเราะหนักมากเมื่อได้รับอีเมลฉบับนั้น แน่นอนการลงหมึกบนร่างดินสอเป็นเรื่องยากสุดๆ)

บทสัมภาษณ์วานิทัส – มิฮาอิล

บทสัมภาษณ์มิฮาอิล

มิฮาอิล - ในตอนแรกมิฮาอิลเป็นตัวละครที่เกลียดวานิ ทัสแต่รักโนเอ้แทน แน่นอนว่าตอนฉันวาดเนื้อเรื่องหลัก ต่อไป ฉันคิดว่า "ไม่ มันจะไม่เกิดขึ้น" และฉันใจเย็นลง ปักหลักกับแพลนที่วางไว้ในปัจจุบัน สำหรับฉันการแต่งตัวของมิซ่า ค่อนข้างท้าทายมาก

ฉันมีปัญหาเล็กน้อยกับเด็กผู้ชายที่สวมกางเกงขาสั้น แต่ฉันมีประสบการณ์มากมายในการชอบเมื่อวาดพวกเขา และผู้ช่วยของฉันชอบมิซ่าที่สวมกางเกงขาสั้น จึงตัดสินใจได้ในทันที การร่างเขาด้วยปากกาเป็นเรื่องที่ยากมากๆ

Q8: สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในผลงานของอาจาย์โมจิซุกิคือความสัมพันธ์ที่หลากหลายระหว่างตัวละครต่างๆ ได้โปรดช่วยบอกเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่คุณคิดว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ

บทสัมภาษณ์วานิทัสxโนเอ้

บทสัมภาษณ์วานิทัสxโนเอ้

A8: วานิทัสกับโนเอ้

ตอนที่ฉันตัดสินใจสร้างเรื่องราวคู่หู ฉันประสบปัญหาที่ปรับตัวสมดุลให้เข้ากับพลัง ฉันไม่อยากให้พระเอกสองคนมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่น "ร่างกายกับสมอง" และ "ผู้ที่เป็นผู้นำและถูกชักจูง" รวมทั้ง "เป็นคนผิวขาวกับคนผิวดำ" รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกของโนเอ้กับวานิทัสทั้งสี (การไล่ระดับแสง?) ของทั้งสองก็อยู่คนละฝ่าย

ฉันอยากให้วานิทัสกับโนเอ้เป็นสองคนที่มีอิทธิพลซึ่งกันแล้วกัน คอยทำร้ายกัน พยามช่วยเหลือกันเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วานิทัสกับฌาน - ฉันคิดว่า (นิสัย) ของฉันเองมีอิทธิพลกับความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนต้นเรื่องมาก ฉันชอบความไม่สมดุลที่ฌานแวมไพร์มีร่างกายเหนือกว่า แต่วานิทัสมีจิตใจดีกว่าเธอ ฉันสนุกกับการวาดทั้งสองคนให้ดุร้ายตั้งแต่ต้นเรื่อง

แต่ตอนนี้โพซิซั่นของพวกเขากลับกันแล้ว ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า "อ๊าา 5555 วานิทัส นายอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว! " ฉันเคยเห็นเรื่องราวของแวมไพร์มาหลายเรื่องที่แวมไพร์ชายดูดเลือดของแวมไพร์ตัวเมีย ดังนั้นฉันจึงอยากจะวาดรูปแบบที่ตรงกันข้ามในวานิทัสให้มากขึ้น ฉันได้วาดชายดูดเลือดชายแล้ว เลยอยากจะวาดฉากหญิงดูดเลือดหญิงในอนาคตอันใกล้นี้ ฉันชอบ "Tasogare Renren" ของอาจาย์ Nari Kusakawa แวมไพร์หญิงดื่มเลือดชายมาก[2]


โลร็องต์กับโอลิเวียร์ – เมื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์พวกเขากับวานิทัสและโนเอ้ ทั้งสองคนนี้ฉันมองว่ามีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบมากกว่า หวังว่าแม้ว่าฝ่ายตัวเอกจะมีความรู้สึกสั่นคลอน แต่การปรากฏตัวของทั้งสองคนนี้ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจแล้วอบอุ่น ถ้ามีโอกาสฉันอยากจะวาดเรื่องราวในอดีตของโลร็องต์กับโอลิเวียร์ด้วย

ดันเต้กับโยฮัน – ฉันคิดว่าเนื้อเรื่องของแก็งค์แดมพีร์ในตัวซีรีย์หลักจะมาเร็วๆ นี้ ดันเต้เก่งมากในฐานะบทบาทของ Tsukkomi แล้วโยฮันก็เป็นนักวิจาร์ณที่ยอดเยี่ยมมาก การที่พวกเขามีส่วนรวมในบทสนทนาด้วยเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไป ฉันคิดว่ามันคงเป็นประโยชน์สุดๆ

Q9: โมจิซุกิซัง ในการให้บทสัมภาษณ์ คุณบอกว่า "เทพบุตรแวมไพร์หัวใจไม่มีวันตาย (Interview with the Vampire)" เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณหลงใหลฉากดื่มเลือดของภาพยนตร์นั่นมาก จนลืมไม่ลง เป็นเหตุทำให้คุณชื่นชอบฉากดื่มเลือดของ "Vanitas No Carte" ที่ตัวคุณเขียนเอง เนื้อหาดูอิโรติกมาก

ถ้างั้นความประทับใจฉากดื่มเลือดของแต่ละฉากจะแตกต่างกันไป อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวละครกับแล้วแต่สถานการ์ณใช่รึเปล่า?

A9: สิ่งที่ฉันพยายามคำนึงถึงเมื่อสร้างฉากการดื่มเลือดคือการทำให้ฉากเหล่านั้น "ดูอิโรติก" แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่ทำให้รู้น่ารังเกียจหรือว่าไม่น่าพึงพอใจ" ฉันตั้งใจจะสร้างฉากดูดเลือดที่ทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้น แต่ทุกครั้งที่ถามผู้ช่วยว่า “ฉากอิโรติกพวกนี้มันดูมากเกินไปหรือไม่พอรึเปล่า ฉันควรจะทำให้ฉากนั้นอีโรติกมากขึ้นได้ยังไง” ซึ่งฉันก็ลองปรึกษากับผู้ช่วยและเรียนรู้มากมายจากพวกเขา

Q10:นับตั้งแต่ซีรีย์ "PandoraHearts" ถูกดัดแปลงแล้วแสดงให้เห็นถึงเทพนิยายเวอร์ชั่นดาร์กในรูปแบบการตีความของทางอาจาย์โมจิซุกินั้นดูน่ากลัว งดงาม และน่าหลงใหลมาก  ช่วยบอกเราถึงสิ่งที่อาจาย์คิดว่าสำคัญหรือเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพฉากที่น่าอัศจรรย์หน่อยได้รึเปล่า? อย่างเช่นพวกฉากขบวนพาเหรดของชาร์ลาตัน คำอธิบายของผู้ถือคำสาปแต่ละคน รวมถึงฉากที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเนเนียนะ

A10:ขบวนพาเหรดของชาร์ลาตัน ฉันได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานคาร์นิวัลเวนิสอันสุดตื่นตานะ ฉันเองอยากรู้บางอย่าง... แล้วสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้... ฉันไม่อยากให้ผู้อ่านรู้สึกไม่สบายใจจนรู้สึกจะเป็นบ้า ที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ฉันตั้งใจจะทิ้ง "ความรู้สึกไม่สบายใจ" ที่รุนแรงดั่งพายุไว้บ้าง ในท่ามกลางภาพวาดที่สวยงาม น่าหลงใหล และการเปลี่ยนดีไซน์ภาพวาดในแบบต่างๆ นั้นเป็นเรื่องสนุกมากคะ ตอนฉันวาดใบหน้าของตัวละคร ต้องระวังไม่ให้เสียสมดุล ดังนั้นการวาดสีหน้าพอสังเขป จึงง่ายและสนุกกว่า

Q11: "Vanitas No Carte" สร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ที่มองอยู่ ไม่เพียงแต่สำหรับตัวละคร เครื่องแต่งกาย และฉากที่น่าอัศจรรย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมในเมือง การตกแต่งห้อง สินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวสตีมพังค์

ตัวอย่างเช่น พื้นที่ของงานเต้นรำสวมหน้ากาก สุสานใต้ดิน ถนนที่วานิทัสและฌานออกเดทกัน หัวรถจักรไอน้ำ สถานที่ที่สร้างด้วยหินที่โนเอ้และแอสโทลโฟต่อสู้กัน ฉากห้องอาหารของโคลเอ้ ห้องคล้ายห้องสมุดขนาดใหญ่ที่แสดงอยู่ การคำนวณ ห้องทดลองของดร.มอโร อุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกับตำราวานิทัสหรือตัวของวานิทัสเอง หรือบ้านของลูนาร์...... ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ อาจาย์ได้รับไอเดียการออกแบบยังไงเอย

A11: ครั้งหนึ่งฉันเคยไปแสวงบุญยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศสเปน แล้วฉันรู้สึกประทับใจกับทิวทัศน์แบบเดียวกับที่ฉันเห็นในเบื้องหลังงานของฉัน จึงพยายามเก็บเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับข้อมูลสถานที่จริงในปารีส

ฉันประทับใจมากเมื่อได้เห็นทิวทัศน์เดียวกันกับฉากหลังที่อยู่ในงานของฉัน ดังนั้นฉันจึงพยายามรักษาข้อมูลสถานที่จริงในปารีสไว้ให้มากที่สุด

ฉันหวังว่าเมื่อผู้อ่านมีโอกาสได้ไปเยือนปารีสสักวันหนึ่ง พวกเขาจะพูดอย่างมีความสุขว่า "นี่คือสถานที่ที่ฉันเห็นในซีรีย์วานิทัสนี่นา!"

แล้วฉันต้องการที่จะให้ความสำคัญกับฉากหลังและแง่มุมอื่นๆ ของเช็ตติ้งโลกใน "Vanitas No Carte" มากกว่าซีรีย์ "Pandora Hearts" ดังนั้นฉันจึงใส่รูปภาพและองค์ประกอบของฉากหลังที่ฉันชอบไว้ในโฟลเดอร์เพื่อให้เห็นภาพของพวกเขาได้ง่าย พลางคิดถึงการร่างสถานที่ที่มีฉากต่อสู้เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าเพื่อสะดวกต่อการให้ตัวละครเคลื่อนไหวไปรอบๆ

ก่อนที่จะรู้ตัว ฉันก็ได้เปลี่ยนสถานที่สำคัญของห้องให้กลายเป็นทรงกลม ดังนั้นทุกครั้งที่ฉันขอโทษผู้ช่วยของฉัน "ฉันขอโทษที่มันยากที่จะได้มุมมอง..." แล้วฉันนะรักเส้นโค้งที่สวยงามจริงๆ

Q12: ฉันเข้าใจว่า "Vanitas No Carte" เน้นไปที่เรื่องโรแมนติกและแอ็คชั่นมากกว่าผลงานก่อนๆ อาจาย์คิดว่าอะไรคือความท้าทายแล้วแง่มุมที่น่าสนใจในการแสดงแต่ละเรื่อง?

A12: ฉันเคยอยากรวมองค์ประกอบที่โรแมนติกมากกว่านี้ไว้ใน "Pandora Hearts" แต่กลับยอมแพ้ไปครึ่งทางเพราะตัวละครหลายตัวมีตัวตนที่ไม่มั่นคง แล้วฉันก็คิดว่า "นี่มันไม่ดีเลย คนพวกนี้มีสิ่งอื่นที่ต้องทำก่อนที่จะมีความรัก.. ” ฉันก็เลยตั้งใจอยากนำองค์ประกอบที่โรแมนติกมาไว้ในผลงานเรื่องต่อไป

ยังต้องใช้สมองเยอะมากในฉากแอคชั่น ดังนั้นฉันต้องเรียนรู้อีกมาก ฉันพยามวาดภาพโดยคำนึงถึงจังหวะเพื่อไม่ให้ทิศทางดูซ้ำซาก คอยตรวจสอบการเคลื่อนไหวรวมทั้งตำแหน่งของตัวละครร่วมกับผู้ช่วยทุกครั้ง และระวังอย่าให้ผู้อ่านหยุดอ่านเรื่องราวเพราะความสับสนว่า "พวกเขาอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่" ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงฉากแอคชั่นเท่านั้น ฉันยังต้องการที่จะวาดฉากแอคชั่นที่ทรงพลังกว่านี้ได้ ดังนั้นฉันต้องทำงานหนักให้มากขึ้น

Q13: คุณได้ไปเยือนเมืองโซกส์ในประเทศฝรั่งเศส เพื่อชมสัตว์ร้ายแห่งเฌโวดอง ฉันได้ยินมาว่าสถานที่นั่นมันยากมากหากไปด้วยตัวเองเพราะหิมะตกหนักทำให้ระบบโดยสารเป็นอัมพาต แต่ก็ดูน่าสนุกมาก อาจาย์ช่วยบอกเราให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ว่าการเดินทางสำหรับอาจาย์เป็นยังไงบ้าง? นอกจากนี้ ช่วยบอกเราหน่อยว่าตัวคุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่กล่าวถึงในผลงานได้อย่างไร

A13: จะไม่เป็นไรเหรอ? มันยาวอยู่นะ ตอนนั้นฉันลางานไป 2 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับร่างกาย ทว่าฉันต้องรู้สึกหดหู่ใจมากหลังจากต้องอยู่ในออฟฟิศมานานจนฉันเริ่มวางแผนอย่างฉับพลัน แล้วคิดว่า "ฉันจะต้องไป" เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการทำเนื้อเรื่องของเฌโวด็อง (Gévaudan)"

เมืองโซสก์เหมือนเป็นสถานที่ยากต่อการไปด้วยตัวเอง เลยไปเจอคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีชื่อว่า "Clermont-Ferrand" ระหว่างทางจึงขอให้พวกเขาข่วยแปลให้....

เมื่อลองย้อนกลับไปมามอง ฉันคิดว่าพวกแปลได้ดีมาก

ฉันยังต้องการถ่ายภาพภูเขาและป่าในบริเวณนั้นเพื่อใช้เป็นข้อมูลเรฟเพื่อวาดเฌโวด็องสำหรับงาน

บรรยากาศของป่าแตกต่างไปจากของญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง สัมผัสได้ถึงต้นไม้และบรรยากาศในท้องถิ่น ทำให้พลังการวาดของฉันมีพลังมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้น ตอนเดินทางไปถึงเมืองโซกส์พร้อมกับล่ามแปล เราแปลกใจมากที่หิมะตกหนัก ฮ่าๆ ฉันได้ยินว่ามันสบายดีจนกระทั่งวันก่อน ทุกคนที่ฉันพบถามว่า "ทำไม? เพิ่งมาตอนนี้ละ" แล้วยังบอกว่า "ให้ฉันกลับมาในเดือนมิถุนายน" (ฉันไปถึงที่นั่นเมื่อปลายเดือนมกราคม)

รถไฟหยุดกลางทางเพราะหิมะ แล้วผู้ที่ต้องการไปต่อต้องรอเจ้าหน้าที่สถานี? หากคุณต้องการไปที่นั่น เจ้าหน้าที่สถานีจะพาคุณไปยังสถานีอื่นโดยใช้รถยนต์

เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งรถแท็กซี่จากสถานีไปยังโซกส์ แต่ก็ยังหาคนขับรถมารับเราไม่ได้เพราะความเสี่ยงจากการที่หิมะตกหนัก...หลังจากเราติดอยู่ได้สักพักหนึ่ง ชายชราคนนึงที่ยังมีชีวิตอยู่ในโซกส์ก็มารับเรา...

"ผมนะคุ้นชินแล้ว สบายมากครับ" เขาให้กำลังใจและดูน่าเชื่อถือแถมเท่สุดๆ จากนั้นชายชราคนนั้นก็ขึ้นรถไปบนภูเขาแล้วบอกฉันว่า "นี่มัน XXX เมตรนะ!"" ซึ่งฉันมาถึงโชกส์อย่างปลอดภัย แต่คราวนี้ฉันล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน

ตอนเช้าฉันลำบากหน่อยแม้ว่าฉันจะนอนบนเตียงในโรงแรมและสวมชุดเพื่อทำให้อบอุ่น แต่ยังคงหมดสติอยู่ อาจจะเป็นเพราะมันไม่ใช่ฤดูกาล น้ำร้อนจึงไม่ออกมาแถมระบบทำความร้อนไม่ทำงานด้วย

ตอนนั้นฉันคิดว่าต้องตายแน่ ถ้าไม่ได้กินบางอย่างที่อุ่นๆ ในตอนนี้... ร้านอาหารแทบไม่มี ร่างกายของรู้สึกอยากกินอาหารพวกซุปมากๆ

"ถ้าอย่างนั้น....ก็ขอน้ำร้อน อย่างน้อยขอกินน้ำร้อนสักหน่อย หลังจากนั้นฉันก็ได้จิบชาดำ" ตอนนั้นฉันป่วยมากจนเกือบกินอะไรไม่ได้

ต่อจากนั้นฉันวางแพลนว่าจะไปเยี่ยมชมพิพิภัณฑ์สัตว์ร้ายเฌโวด็องในเมืองโซกส์ แต่ทักษะการค้นหาของฉันแทบจะไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวกับพิพิภัณฑ์ที่ว่ามา

ฉันเคยจินตนาการว่าพิพิภัณฑ์นี้มีการจัดแสดงที่หลากหลายเช่นวัตถุที่มีค่าแล้ววิถีชีวิตในสมัยนั้น แต่พิพิภัณฑ์จริงๆ ของสัตว์ร้ายเฌโวด็องกลับตรงข้ามกับจินตนาการของฉัน มันคือบ้านผีสิงที่กำลังเดินได้

(ฉันเดาว่าที่เป็นแบบนี้ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะว่ารู้สึกไม่สบายอยู่...)

การแสดงหุ่นกระบอก (พร้อมกับเสียง) ที่โชว์ในแต่ละฉากของเคสเฌโวด็อง ไฟตรงข้างหน้าส่องสว่างตามลำดับ แต่ฉันจำได้ว่ามันหนาวมากเพราะตรงนั้นมันมืดสนิท ยกเว้นบริเวณนั้นที่สว่าง อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่ชั้นใต้ดิน

ตอนนั้นสภาพร่างกายของฉันแย่มากๆ แต่วิธีการสร้างและการแต่งตัวของหุ่นเชิดในแต่ละตัวมีรายละเอียดที่เจ๋งมาก ดังนั้นข้อมูลนี้จึงมีประโยชน์มากต่อการสังเกต

ฉันกับผู้ช่วยเดินไปจนสุดขอบ สามารถดูจนครบ ถ้าฉันสุขภาพดี จะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เดิมทีเราวางแผนว่าจะเริ่มจากสำรวจโซกส์ ค่อยไปสำรวจบริเวณป่ารวมถึงที่อื่นๆ ซึ่งฉันกับผู้ช่วยที่มาด้วยกันถึงกับพูดพร้อมกับว่า

"ขาวจนตาเห็นเลย"

"ฉันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย" แล้ว "ป่าอยู่ตรงไหน ถ้าเปลี่ยนเส้นทาง เราต้องตายแหงแก๋แน่ๆ...." ทำให้พวกเราทั้งหมดตัดสินใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำรวจหมดและควรรักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน จากนั้นพวกเรายอมวางมือการสำรวจ

หลังจากนั้นพวกเราเถียงกันว่าควรค้างคืนที่ชุมชนโซกส์ (Saugues) ดีใหม? สุดท้ายเลือกให้ความสำคัญกับสภาพร่างกายของฉันเป็นอย่างแรกและย้ายไปยังเมืองที่มีชื่อว่า "Le Puy –เลอปุย–"

ฉันได้มีโอกาสแช่น้ำในอ่างของโรงแรมเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น พละกำลังของฉันฟื้นขึ้นมาทันที ตอนนั้นเราได้รับการดูแลคนขับเดิมอีกครั้ง มารู้อีกทีว่ากล่องอันล้ำค่าที่ถ่ายภาพไว้มากมายหายไป ซึ่งน่าจะทำหล่นไว้ที่ใดสักที่ ไม่นับรวมของอื่นมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้น

ถึงฉันไม่ได้เห็นป่าและภูเขาเฌโวด็องไปทั่วถึงตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แต่เมื่อฉันมองลงไปยังเนินเขาที่เมืองโซกส์ซึ่งโอบล้อมไปด้วยโลกสีขาวบริสุทธิ์ รู้สึกประทับใจกับความงดงามของมันมากคะ....

ฉันเลยคิดว่า "ถ้าอย่างนั้นเรามาทำอาร์คเฌโวด็องให้ขาวโพลนแล้วมีหิมะตกหนักกัน" นี่คือสาเหตุที่ภาพลักษณ์อาร์คเฌโวด็องมีแต่ [หิมะ] ก็เพราะทริปนี้เลยค่า

หากได้อ่านมังงะที่ตีพิมพ์ในนิยตสาร คุณจะสังเกตเห็นฉากโคลเอ้ที่ปรากฎตัวในบทที่ 22 ซีนนั้นไม่มีฉากหิมะตก เราทำการแก้ไขส่วนนั้นในเวอร์ชั่นรูปเล่มเรียบร้อยแล้วคะ การท่องเที่ยวทริปในครั้งนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อเนื้อหาอาร์คเฌโวด็อง จากตอนนั้นเวลาก็ผ่านมานานมาก.....


Q14: ฉันรู้สึกว่าทั้งวานิทัสกับ Pandora Hearts เป็นเรื่องราวที่ตัวละครเติบโตขึ้น เมื่อตัวละครเผชิญบาดแผลในอดีต อะไรที่อาจาย์คิดว่าเป็นจุดที่สนุกสุดในการวาดธีมนั้นในมังงะ

A14:จริงๆ ฉันไม่รู้ธีมในผลงานที่ชัดเจนจริงๆ แค่คิดว่า "ฉันอยากสื่ออะไรในมังงะของตนเอง"

ฉันกังวลว่าตนเองไม่มีธีมใดที่หลงใหลไว้สำหนับถ่ายทอดผ่านมังงะ อาจทำได้ไม่ดีพอสำหรับนักวาด แล้วเกรงว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะกับฉันในฐานะนักวาดมังงะ


แต่ถึงอย่างนั้น ฉันกลับค้นพบคำตอบที่เหมาะในช่วงระยะเวลาไม่นานมานี้ และฉันตระหนักว่าต้องการ "แสดงการพัฒนาตัวละคร" ในมังงะ

ฉันคิดว่าที่อยากวาดมังงะแล้วอยากเห็นการพัฒนามากมายระหว่างความสัมพันธ์ตัวละคร รวมทั้งตำแหน่ง ความคิดและรูปลักษณ์ภายนอกกับการแสดงออก


ในผลงานของฉัน มีสิ่งที่เรียกว่าธีมไม่ใช่สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิด แต่เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับตัวละครซึ่งอยากแสดงให้เห็น

บางทีอาจเป็นผลจากความปรารถนาของฉัน อยากเห็นทุกอย่างของตัวละคร ไม่ว่ารอยยิ้มหรือความสิ้นหวัง มังงะของฉันถึงดำเนินเรื่องช้า พยามทำให้มันเข้มข้น ยังมีธีมซึ่งผู้อ่านสามารถตีความได้ตามความต้องการ ตัวฉันเวลาที่ได้ยินคนอื่นบอกว่า "นี่ เป็นธีมของซีรีส์นี้" คือคำพูดที่ฉันคิดว่าใช่สำหรับพวกเขา


ฉันเชื่อเรื่องราวคือกระจกที่สะท้อนอีกด้านของผู้เขียนและสะท้อนเงาของผู้อ่านในเวลาเดียวกัน จึงธรรมดาที่ผู้อ่านจำนวนมากเสพสื่อในผลงานหลากหลายที่ต่างกัน ฉันคิดว่ามันวิเศษมากๆ

Q15: ออซใน "Pandora Hearts" มีตราประทับถูกสลักไว้ กับวานิทัส ตัวเอกบันทึกแวมไพร์วานิทัส มีตราสัญลักษณ์มาร์กิ้งซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้เวลาที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่ทำสัญญากับเซนจ์เพื่อ "เปลี่ยนแปลงอดีต" หรือมอบนามที่แท้จริงเพื่อแลกกับ "ความปราถนา" ฉันว่าองค์ประกอบคล้ายกัน อาจาย์คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ

A15 จริงๆ แล้วฉันไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่อยากให้คุณลองคิดถึงกระบวนขั้นตอนว่า " อะไรทำให้คุณคิดและอะไรทำให้คุณทำแบบนั้น" ต่างจากแพนโดร่า เนเนียค่อนข้างก้าวร้าวในการลบนามที่แท้จริงออกไป

แปลบทสัมภาษณ์ดาวินซี (เก็บตกรายละเอียดเสริม)[]

การแปลรายละเอียดส่วนเสริมที่ไม่มีในนิตยสารของคิคังและเก็บตกข้อมูลรวมทั้งนักพากย์

คำถาม : แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันแต่ก็เลือกที่จะอยู่ด้วยกันและคอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ฉันสนใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอีกด้วย คุณโมจิซุกิจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้อย่างไร

โมจิซุกิ: พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกันและเพื่อน หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิท พวกเขาแตกต่างกันและเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงดึงดูดเข้าหากันและสามารถปกปิดจุดอ่อนของกันแล้วกันได้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม คิดว่าเขากำลังถูกดึงดูดเข้าสู่ความมืดมิดที่แฝงตัวอยู่ในเงามืด[3]

คำถามสอง: คุณรู้สึกประทับใจกับการมีอยู่ของแวมไพร์มากแค่ไหน? นอกจากนี้ หากคุณมีผลงานแวมไพร์ที่ชื่นชอบ ได้โปรดช่วยบอกเราหน่อย?

โมจิซุกิ: ฉันเองก็จำผลงานแวมไพร์เรื่องแรกในชีวิตไม่ได้ แต่ภาพยนตร์เรื่อง ``Interview with the Vampire'' มีผลกระทบอย่างมากต่อฉันเมื่อตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ ตอนนั้นฉันบังเอิญได้ดูเรื่องนี้ในทีวี แต่ฉันรู้สึกว่านั่นคือจุดที่ฉันได้ปลูกฝังความสยองขวัญและความเปราะบางของแวมไพร์ รวมทั้งธรรมชาติที่น่าหลงใหลของฉากดูดเลือด ซึ่งหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันชอบการผสมผสานระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว[4] และ Crimson-Shell ซึ่งมีตัวละครที่มีอายุขัยที่สั้นเองที่ถูกตั้งชื่อตามซีรีย์เทพบุตรแวมไพร์เคยอยู่ที่แห่งนี้ก็ได้ออกไปจากที่นี้

การอ้างอิง[]

  1. ภาพร่างของโมจิซุกิ "วานิทัสกับโนเอ้" ในนิตสารคิคัง
  2. Tasogare Renren
  3. 友人 - Yujin (ยูจิน) แปลว่าเพื่อนและเพื่อนสนิท ถ้าใช้กรณีแนะนำเพื่อนเป็นคำที่พิธีริตองกว่า Nakama-tomo chigau หมายถึงพวกพ้องอยู่ด้วยกันในยามที่ยากลำบาก จริงๆ ไม่รู้แปลยังไง มันแปลว่าแตกต่างจากพวกพ้อง (พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ)
  4. interview with the vampire คือภาพยนต์ lgbt+ เดาว่าเวอร์ชั่นที่อาจาย์โมจิซุกิดูน่าเป็นมูฟวี่แต่ไม่ใช่ทีวีซีรีย์

การนำทางสารบัญ[]

v - e - t บันทึกแวมไพร์วานิทัส
ตัวละคร

ตัวละครหลัก: โนเอ้​ อัสชีวิสต์​วานิทัส
แดมพีร์: ดันเต้โยฮันรีเซ่
แกลอรี่ วาลันทีน: มาเน็ตน็อกซ์เคาน์ทปาร์ค​ ออร์ลอค
โรงแรมชูชู: อเมเลีย รูธฟลุต
เดอ ซาด: อองตวน​ เดอ​ ซาดไครสเลอร์โดมินิก เดอ ซาดหลุยส์ เดอ ซาดมูร์อาจาย์เวโรนิก้า เดอ ซาด
ออริเฟรม: ออกัส รูธเวนฌานโลกิ ออริเฟรมลูก้า ออริเฟรม
ชาสเชอร์: แอสโทลโฟ กรานาทุมชาร์ลส์กาโน่จอร์ชมาร์โกมาเรียมิร่าโอกิเยร์โอลิเวียร์โลร็องต์​ ฟอร์ติส
เดอ​ อัปเฌร์: โคลเอ้​ เดอ​ อัปเฌร์ฌองณาน ซัสเตล
จันทราน้ำเงิน: มิฮาอิลแวมไพร์จันทราน้ำเงิน
อัสชีวิสต์: โนเอ้​ อัสชีวิสต์​เลดี้อัสชีวิสต์
ชาลาร์ตัน: นายแพะนายแมงมุมมอโรเนเนียอีกา
วุฒิสภาแวมไพร์: ฟาอัสตินาลอร์ดเบลลาเตอร์ลอร์ดพัลเดนซ์มาควิสมาคิน่า
อื่นๆ: สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องแคทเธอรีนลูอิสฟันนี่เฟรดจิลหลุยส์มินะคุณตากับคุณย่าของโนเอ้พาราเซลซัสโทมัส เบอร์นู

ตระกูลขุนนาง ตระกูลอัสชีวิสต์ตระกูลจันทราน้ำเงินตระกูลเดอ​ อัปเฌร์ตระกูลเดอ ซาดตระกูลกรานาทุมตระกูลออริเฟรมวุฒิสภาแวมไพร์องค์ราชินีแวมไพร์
คำศัพท์ สายพันธุ์ & กลุ่มต่างๆ: บีสเทียบูโรกลุ่มศาสนจักรชาลาร์ตันชาสเชอร์แดมพีร์แวมไพร์

สิ่งของ: ดอกแอสเตอร์แร่แอสเทอร์ไมต์ตำราวานิทัสเครื่องปลอมแปลงสมการโลก
อาวุธ: คาเปเดี้ยมดูรันดาลอัลเตอร์แคลร์ลูยแซ็ต
อีเวนต์: ปรากฏการณ์บาเบลสงคราม
อื่นๆ: ผู้ต้องสาปมาร์กิ้งนามที่แท้จริงสมการโลก

สถานที่ อัลทัสอาเวอรวญลา บาเลน (วาฬลอยฟ้า)ปราสาทคาร์บังคุลุสสุสานใต้ดินปารีสแกลอรี่ วาลันทีนเฌโวด็องโรงแรมชูชูห้องทดลองของด็อกเตอร์มอโรปารีส
ตอนในมังงะ 12345678910111213141515.51617181920212223242526272829303132333434.53536373838.5394041424344454646.5474849505151.552535454.55555.5565758596060.56161.56262.563
รายชื่อเล่มมังงะ 1234567891011
รายชื่อตอนอนิเมะ 123456789101112131415161718192021222324รีแคปสเปเซี่ยล
สมุดสเก็ตซ์ Vanitas No Carte SP ~Fun Drawing Note~

Vanitas No Carte ~Brocante~

ดีวีดี/บลูเรย์ 12345678
ดราม่าซีดี ดราม่าซีดี 1ดราม่าซีดี 2ดราม่าซีดี 3ดราม่าซีดี 4
ซาว์ดประกอบ OSTSora to Utsuro0 (zero)Your Namesalvationอัมบั้ลเพลงตัวละคร 1อัลบั้มเพลงตัวละคร 2
เพลงตัวละคร Le Formidable!Hidamari ni Saku Hana~mon trésor~Na mo Naki MichiSekka
สื่ออื่น ละครเวที
โอเมเกะ บันทึกแวมไพร์วานิทัส Koi wa☆LOVE Mission!
พิเศษ Vanitashu no Karuteข้อความจากผู้เขียนไทม์ไลน์อ้างอิงถึงในโลกความเป็นจริงบันทึกแวมไพร์วานิทัส ไกค์บุ๊ค Art book และภาพสเก็ตซ์แปลบทสัมภาษณ์
ผู้เขียน โมจิซุกิ จุน
v - e - t รายชื่อตอนบันทึกแวมไพร์วานิทัส
อาร์คท่องเที่ยวปารีส 12345
อาร์ค "Bal Masqué" 67891011
อาร์คชาสเชอร์ที่อยู่ในความมืด 12131415161718192021
อาร์คสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง 2223242526272829303132333434.53536373838.53940414243
อาร์คสวนสนุก 444546474849505152535454.55555.556
อาร์ตปัจจุบัน 57585960
ช่วงพัก 15.546.551.560.56161.56262.563
เล่มมังงะ 12345678910
อื่นๆ Vanitashu no Karuteข้อความผู้เขียนแปลบทสัมภาษณ์
Advertisement